การปูพื้นด้วยพรมช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับห้องและดูอบอุ่น แต่การจะทำให้พรมดูสวยงามอยู่เสมอก็ต้องมีการดูแลอย่างดี เพราะพรมนอกจากจะเป็นที่กักเก็บของฝุ่นแล้ว เมื่อเกิดรอยเปื้อนหรือคราบต่างๆ ก็มีวิธีการทำความสะอาดพรมที่แตกต่างจากพื้นแบบอื่น การรู้เคล็ดลับในการทำความสะอาดรอยเปื้อนต่างๆ จะช่วยให้การดูแลพรมให้สวยเหมือนใหม่ง่ายขึ้นมากทีเดียว
เคล็ดลับวิธีทำความสะอาดพรมและดูแลพรม
1. คราบน้ำหวาน เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม
วิธีทำความสะอาดคือ ใช้ผงซักฟอกผสมน้ำอุ่นเล็กน้อยเทลงบนคราบ หรือใช้น้ำส้มสายชูเทลงไป และค่อยๆ ซับออก
2. คราบของเหลวที่ขจัดยาก เช่น ไวน์แดง กาแฟ เลือด
ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ขจัดคราบ คือ โซดาไฟ หรือน้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าในอัตรา 1:2 โดยก่อนจะเทลงไปให้ใช้ผ้าซับบนคราบก่อน และห้ามถูหรือขยี้เพราะจะทำให้พรมเสียหาย จากนั้นเทโซดาไฟลงไปเพื่อลดคราบ หรือจะใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าฉีดลงบนพรมก็ได้ จากนั้นค่อยๆ ซับออก คราบจะเจือจางลง
3. คราบน้ำมัน
วิธีการขจัดคราบน้ำมันบนพรมมีสองวิธี วิธีแรกคือการนำผ้าเก่าๆ วางลงบนคราบ จากนั้นใช้เตารีดนาบเพื่อดึงน้ำมันที่อยู่ในพรมไปที่ผ้า แล้วจึงนำพรมไปซักอีกครั้ง ส่วนอีกวิธีคือโรยแป้งเด็กลงไปให้ดูดซับน้ำมัน
4. คราบเหนียว เช่น แว็กซ์ หมากฝรั่ง
นำก้อนน้ำแข็งมาห่อด้วยผ้า แล้ววางไว้บนคราบ จะทำให้แว็กซ์หรือหมากฝรั่งแข็งตัวขึ้น แล้วค่อยใช้ช้อนหรือมีดทื่อๆ แซะคราบออกมา
5. คราบแป้ง
การสะบัดผงแป้งออกจากพรมเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก วิธีการทำความสะอาดให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดแป้งออกก่อน จากนั้นผสมน้ำยาล้างจานกับน้ำเปล่า นำผ้ามาชุบแล้วเช็ดบริเวณที่เป็นคราบแล้วซับให้แห้ง
6. รอยสนิม
เฟอร์นิเจอร์บางอย่างที่เป็นสนิมสามารถฝังคราบสนิมบนเนื้อพรมได้ วิธีการขจัดรอยสนิมคือใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาวมาเช็ดรอย รอยเปื้อนจึงจางลง
7. รอยวางเฟอร์นิเจอร์
เมื่อวางเฟอร์นิเจอร์ไว้นานๆ ก็สามารถเกิดรอยได้ วิธีขจัดรอยคือนำน้ำแข็งไปวางบริเวณรอยจนน้ำแข็งละลาย จากนั้นใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก รอยจะหายไป
แม้ว่าจะมีเคล็ดลับในการทำความสะอาดพรมมากมาย แต่ทางที่ดีคือการหลีกเลี่ยงไม่ทำให้เกิดรอย เช่น ไม่นำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้าไปในห้องที่ปูพรม รวมถึงไม่แต่งตัวหรือทาแป้งบนพรม เท่านี้ก็จะช่วยลดรอยต่างๆ ได้มาก เพราะบางครั้งเราอาจไม่ทันสังเกตว่ามีรอยเปื้อนเกิดขึ้นจนกลายเป็นคราบฝังแน่นและทำความสะอาดได้ยากในที่สุด
Comments are closed.