“อันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ติดตั้งสายดิน” เรามักเห็นคำเตือนนี้อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะตอนที่ใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะอันตรายมากหากเกิดไฟรั่วขึ้นมาเพราะใกล้ชิดกับน้ำที่เป็นตัวนำไฟฟ้ามากที่สุด และอันตรายใกล้ตัวมนุษย์เราในทุกวันนี้คือเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะอาจเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้นจึงต้องมีการติดตั้งสายดินภายในอาคาร ซึ่งสายดินนั้นก็คือตัวนำหรือสายไฟที่ต่อจากตัวนำไฟฟ้าหรือเปลือกโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่วยส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้ไฟฟ้า ในกรณีที่กระแสไฟฟ้ารั่วไหลสายดินจะเป็นเส้นทางของกระแสไฟฟ้า โดยนำลงดินหรือไหลย้อนกลับไปยังหม้อแปลงไฟฟ้า ทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิดอันตราย และเครื่องตัดไฟอัตโนมัติจะตัดไฟทันที
สายดินมีความสำคัญและประโยชน์อย่างไร?
- ป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกไฟฟ้าดูด ถ้าเกิดการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าก็จะไหลลงดิน
- อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรจะทำงานทันทีเมื่อเกิดไฟฟ้ารั่วและไหลลงดิน
- ช่วยให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าเข้าไปรบกวนการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า
บ้านเก่าไม่มีสายดินควรทำอย่างไรดี?
- เดินสายไฟฟ้าใหม่ทั้งบ้าน นอกจากจะได้วางระบบสายดินแล้ว ยังเป็นโอกาสในการเช็กระบบสายไฟไปในตัวว่าเกิดความชำรุดขึ้นหรือไม่ ถ้ามีอะไรชำรุดจะได้เปลี่ยนหรือซ่อมแซมได้ทัน เพิ่มความปลอดภัยไปในตัว
- เปลี่ยนปลั๊กไฟที่เต้ามีรูเสียบจาก 2 รู เป็น 3 รู และเดินสายมาลงที่หลักดินที่ได้ติดตั้งตามมาตรฐานการไฟฟ้าอย่างถูกต้อง
ปัจจุบัน เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่มักมีสายดินติดตั้งมาในอุปกรณ์อยู่แล้วโดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟสูง เช่น คอมพิวเตอร์ แต่การติดตั้งสายดินก็เป็นเรื่องที่ควรจะทำเพื่อป้องกันอันตรายไว้ก่อน และเพื่อไม่ให้เป็นเรื่องที่สายเกินแก้หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
Comments are closed.