สำหรับผู้ที่สินทรัพย์เป็นบ้าน และคอนโดที่ไม่ได้ใช้อยู่อาศัย การจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ไม่มีคนดูแลจนมีสภาพเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาย่อมเป็นเรื่องน่าเสียดาย การปล่อยเช่าจึงเป็นทางเลือกที่ดี ทั้งยังทำให้มีรายได้เสริม หรือใครที่มีทุนทรัพย์อยากลงทุน การซื้อคอนโดและบ้านมาปล่อยเช่าก็น่าสนใจไม่น้อย
ในปัจจุบันธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นจำนวนมาก โดยกลุ่มเป้าหมายหลักมักจะเป็นคนวัยทำงานที่ต้องการที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่มาเรียนไกลบ้าน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าบ้านหรือเช่าคอนโด ก็มีข้อควรรู้เพื่อไม่ให้ถูกเอาเปรียบ รวมทั้งจะได้ดำเนินการต่างๆ ให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ข้อควรรู้สำหรับผู้ให้เช่าบ้านและคอนโด
1. ความพร้อมในการให้เช่า
บ้านและคอนโดไม่มีหลักประกันว่าจะมีผู้เช่าเป็นประจำทุกเดือน ดังนั้นถ้าคิดจะลงทุนในการซื้อบ้านหรือคอนโดเพื่อปล่อยเช่าโดยเฉพาะ ต้องสำรวจความพร้อมของตนเอง เพราะไม่อย่างนั้นอาจกลายเป็นหนี้สินแทนที่จะมีรายได้จากการหวังค่าเช่า ทั้งนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เราเองต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เช่น การซ่อมแซม ค่าส่วนกลาง ประกันบ้าน เป็นต้น
2. สัญญาเช่า
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือที่ลงลายมือชื่อผู้ให้เช่าและผู้เช่าเสนอ เพื่อที่เป็นหลักประกันหากผู้เช่าสร้างความเสียหายให้กับบ้านหรือคอนโดของเรา จะได้ใช้สัญญาเช่าฟ้องร้องได้ ขณะเดียวกันผู้เช่าก็จะรู้สึกว่าเรามีความน่าเชื่อถือ หากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นที่มีเหตุมาจากผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน
3. ทำรายการทรัพย์สิน
ในบ้านหรือคอนโดที่เราให้เช่าย่อมมีทรัพย์สินที่เรามีไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้เช่า ไม่ว่าจะเป็น โซฟา เตียงนอน ตู้เย็น ไมโครเวฟ กุญแจสำรอง ซึ่งของเหล่านี้ต้องระบุในรายการทรัพย์สินท้ายสัญญาเช่าพร้อมรูปถ่ายเป็นหลักฐาน เพื่อตรวจสอบสภาพหลังเช่าว่ายังมีสภาพสมบูรณ์ดีอยู่หรือไม่
4. คำนวณภาษี
ไม่ว่าทำธุรกิจอะไรก็ต้องยื่นภาษีให้ถูกต้อง การปล่อยอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าเองก็ต้องเสียภาษีเช่นกัน ดังนั้นควรดำเนินการให้ถูกต้อง ตั้งแต่การยื่นแจ้งโดยเฉพาะหลักฐานการเช่า การทำสัญญาเช่า ใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้สามารถคำนวณภาษีได้ถูกต้อง ซึ่งการเสียภาษีสำหรับการปล่อยอสังหาริมทรัพย์ในกรณีเป็นบุคคลธรรมดา ภาษีที่ต้องเสียจะมีภาษีเงินได้ และภาษีโรงเรือน
5. คัดกรองผู้เช่า
การจะปล่อยบ้านหรือคอนโดให้เช่า ต้องคัดกรองและตรวจสอบผู้เช่าด้วย เช่น ประวัติอาชญากรรม หรือผู้เช่ามีความสามารถชำระค่าเช่าได้หรือไม่ วิธีตรวจสอบเบื้องต้นคือการให้ผู้เช่ากรอกรายละเอียดส่วนตัว สถานที่ทำงาน และบุคคลอื่นที่สามารถติดต่อได้ ถ้าต้องการตรวจสอบให้ละเอียดอาจต้องโทรสอบถามที่ทำงานว่ามีบุคคลชื่อนี้หรือไม่ หรือลองโทรไปยังบุคคลอ้างอิงที่ผู้เช่าได้กรอกประวัติไว้
ข้อควรรู้สำหรับผู้ที่ต้องการเช่าบ้านและคอนโด
1. สัญญาเช่าต้องชัดเจน
การจะเช่าบ้านหรือคอนโด ไม่ควรตกลงเช่าถ้าไม่มีการลงชื่อในสัญญาเช่าทั้งสองฝ่าย เพราะสัญญาเช่าไม่ใช่หลักประกันของผู้ให้เช่าอย่างเดียว แต่ยังเป็นหลักประกันของผู้เช่าด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นหลักฐานชัดเจนเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ตามกฎหมายคุ้มครองผู้เช่า นั่นคือผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบความชำรุดทรุดโทรมของบ้านหรือคอนโด เช่น น้ำรั่ว แอร์เสีย เป็นต้น
2. เงินประกันอาจไม่ได้คืน
ขึ้นชื่อว่าเป็นเงินประกัน ก็หมายความว่าเราอาจจะไม่ได้คืน เพราะผู้ให้เช่าจำเป็นต้องเก็บเงินผู้เช่าเอาไว้เป็นหลักประกันหากมีข้าวของภายในห้องเสียหาย เช่น ผนังชำรุด โทรทัศน์ชำรุด เป็นต้น ซึ่งในการอยู่อาศัยก็อาจมีเหตุให้ข้าวของบางอย่างชำรุดพังเสียหายได้ จึงทำให้ผู้ให้เช่าหักเงินค่าประกันได้ หรือในบางกรณีผู้ให้เช่าอาจหักส่วนหนึ่งไว้สำหรับค่าทำความสะอาดหลังจากเราย้ายออก ทำให้เราไม่ได้เงินประกันคืนเต็มราคาแม้จะไม่ได้ทำข้าวของชำรุดเสียหาย ดังนั้นจึงต้องคุยเรื่องละเอียดเงินประกันให้เรียบร้อยตั้งแต่แรก
3. การเรียกร้องนิติบุคคล
กรณีที่คอนโดหรือบ้านมีเหตุให้ต้องนิติบุคคลมาดำเนินการดูแล ซ่อมแซม หรืออำนวยความสะดวกด้านสาธารณูปโภค แต่ถูกละเลย ผู้ร้องเรียนสิทธิต้องเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์นั้น ดังนั้นควรดูด้วยว่าเจ้าของบ้านหรือคอนโดใส่ใจผู้เช่าแค่ไหน

แนะนำเว็บลงประกาศเช่าบ้านและเช่าคอนโด
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาบ้านและคอนโดให้เช่า เราขอแนะนำเว็บไซต์ Livinginsider.com เว็บไซต์สำหรับลงประกาศเช่าบ้านและประกาศเช่าคอนโดที่ดีที่สุด มีผู้เข้าใช้งานต่อเดือนเป็นจำนวนมาก และทางเว็บไซต์มีการคัดกรองข้อมูลจากผู้ประกาศเพื่อให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้พบผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยมีให้เลือกในหลายทำเลทั้งในกรุงเทพและทั่วประเทศ ค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 3,000 บาท
นอกจากนี้ทางเว็บไซต์ยังมีบทความให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะแนวทางการตกแต่งบ้านหรือคอนโด รีวิวโครงการใหม่ๆ รวมทั้งข่าวสารและการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์